สอบถามครับ เรื่องการจดทะเบียนพาณิชย์ร้านจักรปักครับ

[bom]

ไม่ทราบว่าเพื่อนสมาชิกเปิดหน้าร้าน ได้ทำการจดทะเบียนพาณิชย์หรือทะเบียนร้านค้าหรือไม่ครับ
คือร้านผมเปิดมาไม่นาน ร่วมๆ2เดือนครับ สอบถามร้านที่จังหวัดเดียวกันแล้วเปิดก่อนหน้าผม1เดือนเขาก็ไปจดมาครับ
แต่เมื่อผมไปขอจดเตรียมเอกสารเรียบร้อยตามที่หาข้อมูลมา เจ้าหน้าที่บอกผมว่ายกเลิกการจดประเภทนี้แล้วครับ
งานคุณเป็นงานบริการ ไม่ได้จำหน่ายให้ขึ้นตรงกับสรรพากรเลย
โดยที่เจ้าหน้าที่บอกผมว่า ถ้าจะจดต้องจดเป็นขายเสื้อผ้านะครับ แต่ร้านผมรับปักอย่างเดียวครับ

ตกลงว่าผมสามารถดำเนินกิจการได้ปกติหรือครับ โดยไม่ต้องแจ้งจดทะเบียน

รบกวนอีกเรื่องครับ ผมต้องขออนุญาติอย่างอื่นอีกหรือไม่ครับในการประกอบกิจการจักรปัก

ขอบคุณล่วงหน้าครับ

[giftkids]

ถ้าเราไม่มีหน้าร้าน แต่เราต้องการจะจด สามารถทำได้หรือไม่ครับ

ประเด็นของท่านคือไม่มีหน้าร้าน และไม่ได้ทำการค้าขาย แต่ขอถามจุดประสงค์ ท่านจดทะเบียนเพื่ออะไร ถ้าต้องการรับงานจากหน่วยงาน-ราชการ ก็น่าจะไปจดครับ เพื่อที่จะได้ทำกิจกรรมได้สะดวกโยธินมากขึ้น แต่ทำสำหรับในครัวเรือน หรือคนทั่วไป หรือวัดวาอาราม ก็ไม่จำเป็นก็ได้ครับ  

สำหรับหน้าร้านไม่มี ก็ลองไปคุยกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูครับ พูดตรง ๆ ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ ต้องรอท่านอื่นที่ทราบมาตอบแทนให้

หมายเหตุ สำหรับการจดทะเบียนพานิชย์ ก็อย่างที่บอกคือการประกาศว่าเราจะไปเสียภาษีอย่างแน่นอน จึงหลีกเลี่ยงภาษีไม่ได้ครับ ตอนไปเสียภาษี ก็พูดความจริงกับเจ้าพนักงานครับเพื่อให้เขาพิจารณาให้ ส่วนมากเสียครั้งละประมาณไม่เกิน 500 บาท แต่ถ้ารายได้ไม่ถึง 50,000 บาทต่อปีแต่ไม่เกิน 150,000 บาทต่อปี ก็ต้องไปเสียภาษีครับ(ไปรับใบเสร็จ 0.00 บาท ที่ภาษี) แต่ถ้าเกิน 150,000 ก็แล้วแต่ครับว่าจะเสียเท่าไหร่ แต่ผมไม่เกินครับ

ที่แนะนำให้จด บางทีไมีมีหน้าร้าน เอาเลขที่บ้านไปจดต้องมีบัตรประชาชนเจ้าบ้านด้วย จดได้เค้าไม่ได้มาตรวจ ถ้าจุดประสงค์เอาไว้ในการขอสินเชื่อ
แต่เรื่องภาษีไม่เกี่ยวกับการจดทะเบียนพาณิชย์ ยิ่งไม่มีหน้าร้านก็ยิ่งหาไม่เจอ
แต่บางทีเค้ามาสำรวจเรื่องภาษี
ถ้าเราอยากได้ถูก แนะไปขอเสียเอง จะถูกเราเค้าไม่เห็นงานเรา
อาทิตย์ที่แล้ว สรรพากรเพิ่งเข้า (ย้ายมา 3 ปียังไม่ได้จ่าย)ของเก่าปีละ 3000 บาท
พอเข้ามา มีจักรกี่ตัวมีลูกจ้างมั้ย คราวนี้ขอขึ้นเป็น ปีละ 4000 บาท ขอต่อรองกว่าจะได้เท่าเดิม ดีไม่โดนย้อนหลัง
ถ้าเราไปแจ้งเอง บอกรับเย็บผ้าคน มันจะดูต่างจากที่เห็นเยอะ  แต่ถ้าเค้ามาตรวจก็คงโดนเพิ่มอยู่ดี
 

[moch]

เเรกๆผมก็จดนะครับ มีผลในการติดต่อราชการ เค้าจะให้ความเชื่อถือมากกว่าร้านลอยๆ เเต่ถ้าเป็นงานใหญ่ๆจะมีปัญหาเรื่องเเว็ต ผมก็เลยต้องเปลี่ยนใปจดในนามบริษัท จริงๆเเล้ว จะว่าสำคัญมั๊ยก็ถือว่าสำคัญกะอาชีพอย่างพวกเรานะ

ที่ท่าน sap บอกว่า ถ้าเป็นงานใหญ่ๆจะมีปัญหาเรื่องเเว็ต ปัญหาคือยังงัยครับ และที่บอกว่า ได้ใปจดในนามบริษัท มันดีกว่าการจดทะเบียนพานิชย์ธรรมดาอย่างไรครับ เพราะเห็นท่าน tongtawee บอกว่าจดทะเบียนพานิชย์ธรรมดาดีที่สุด
คือผมต้องการศึกษาไว้เป็นความรู้เพื่อเปรียบเทียบกันครับ เพื่อไว้รับสถานการณ์ค่าแรง 300 ครับ เพราะดูข่าวเห็นเขามีการเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือในเรื่องนี้กับ SME แต่ถ้าเราไม่ได้จดอะไรเลยก็ไม่รู้ว่ามันจะเข้าข่ายที่เขาจะช่วยเหลือหรือเปล่า บอกตรงๆ ครับ ขึ้นค่าแรง 300 คนงานผม 10 คน อ่วมอรทัยเลยครับ
 

[giftkids]

เเรกๆผมก็จดนะครับ มีผลในการติดต่อราชการ เค้าจะให้ความเชื่อถือมากกว่าร้านลอยๆ เเต่ถ้าเป็นงานใหญ่ๆจะมีปัญหาเรื่องเเว็ต ผมก็เลยต้องเปลี่ยนใปจดในนามบริษัท จริงๆเเล้ว จะว่าสำคัญมั๊ยก็ถือว่าสำคัญกะอาชีพอย่างพวกเรานะ

ที่ท่าน sap บอกว่า ถ้าเป็นงานใหญ่ๆจะมีปัญหาเรื่องเเว็ต ปัญหาคือยังงัยครับ และที่บอกว่า ได้ใปจดในนามบริษัท มันดีกว่าการจดทะเบียนพานิชย์ธรรมดาอย่างไรครับ เพราะเห็นท่าน tongtawee บอกว่าจดทะเบียนพานิชย์ธรรมดาดีที่สุด
คือผมต้องการศึกษาไว้เป็นความรู้เพื่อเปรียบเทียบกันครับ เพื่อไว้รับสถานการณ์ค่าแรง 300 ครับ เพราะดูข่าวเห็นเขามีการเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือในเรื่องนี้กับ SME แต่ถ้าเราไม่ได้จดอะไรเลยก็ไม่รู้ว่ามันจะเข้าข่ายที่เขาจะช่วยเหลือหรือเปล่า บอกตรงๆ ครับ ขึ้นค่าแรง 300 คนงานผม 10 คน อ่วมอรทัยเลยครับ
 

อยากรู้อีกคน ตอนนี้บริษัทจะซื้อสินค้า เค้าขอvat
 เราบอกไม่มี เค้าต้องไปถามบัญชีว่าซื้อได้หรือป่าว
อยากจดแต่กลัวบานปลายค่ะ

[moch]

อยากรู้อีกคน ตอนนี้บริษัทจะซื้อสินค้า เค้าขอvat
เราบอกไม่มี เค้าต้องไปถามบัญชีว่าซื้อได้หรือป่าว
อยากจดแต่กลัวบานปลายค่ะ

ถ้าเรื่อง vat ไม่ต้องจดทะเบียนก็ขอได้ครับ คือ ต้องไปสรรพากรแล้วขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม แล้วเราก็จะได้ใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม(ภ.พ.20) มา แค่นี้เราก็สามารถออกใบกำกับภาษีได้แล้วครับ (ผมทำมาแล้ว)
สำหรับเรื่องบานปลายไม่น่าเป็นห่วงครับ เพราะ
   1.เมื่อออกใบกำกับภาษีให้ลูกค้าเราก็บวก vat ไปพร้อมกันแล้ว เช่น ของราคา 100 บาท ในใบกำกับภาษีต้องลง 100+(7%)=107 บาท ซึ่งหมายถึง ลูกค้าต้องจ่ายเงินเรา 107 บาท แล้วเราก็นำเงินส่วนเกิน 7% นี้แหละครับนำส่งสรรพกร(ทุกวันที่ 1 ถึง15ของเดือน) เราก็เหมือนเป็นตัวกลางในการเก็บเงินจากลูกค้าส่งสรรพากรนั่นเอง
   2.ในการซื้อสินค้าทุกอย่างที่เกี่ยวกับงานของเรา(สรรพากรเขาจะถามเราเอาไว้พร้อมบันทึกว่ามีอะไรบ้าง ดังนั้นถ้าจะจดก็ควรทำรายการไว้ เดี๋ยวไปถึงเขาแล้วจะนึกออกไ่ม่หมด)เราสามารถนำภาษีมูลค่าเพิ่มที่เราเสียไปมาหักคืนได้ในรูปแบบของภาษีซื้อ ไม่ว่าจะเป็น ค่าน้ำมันรถ(สำหรับที่เติมกับรถคันที่เราแจ้งไว้เท่านั้น)  ค่าซื้อรถ(ต้องเป็นรถคันทีเราแจ้งไว้กับสรรพากรว่าใช้ในงานเท่านั้น) ค่าอุปกรณ์ ค่าซื้อเครื่อง และ อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
ความยุ่งยากที่เราต้องรับผิดชอบเพิ่มขึ้นมาก็คือเราต้องทำรายงานภาษีซึ้อ ภาษีขาย ทุกเดือน เพื่อนำมาหักลบกัน แล้วนำจ่ายสรรพากร เท่านั้นเอง ทุกวันนี้ผมจะใช้วิธียื่นแบบทางอินเตอร์เน็ต แล้วไปจ่ายเงินตามเคาเตอร์เซอร์วิส สะดวกดีครับไม่ต้องเดินทางไปสรรพากรทุกเดือน

[giftkids]

และถ้าบางเดือนเราไม่ต้องใช้ vat ล่ะค่ะ

[moch]

และถ้าบางเดือนเราไม่ต้องใช้ vat ล่ะค่ะ

เราก็ต้องยื่น ภ.พ.30 อยู่ดี ซึ่งก็คือไม่ต้่องจ่ายแต่ต้องยื่น เพราะภาษีขายเราไม่มี ส่วนภาษีซื้อถ้ามีก็ต้องเก็บยอดไว้รวมกับภาษีซื้อของเดือนถัดไป
สำหรับในส่วนนี้ผมก็ไม่แน่ใจน่ะครับว่าการมีแต่ภาษีซื้อแต่ไม่มีภาษีขาย บ่อยๆ เข้ามันจะเป็นความผิดปกติจนเป็นเหตุให้ต้องมีการตรวจสอบหรือไม่
ดูใบ ภ.พ.30 อาจจะเข้าใจมากขึ้นก็ได้ครับ
คุณไม่สามารถดูข้อความนี้.กรุณา ลงทะเบียน หรือ เข้าสู่ระบบ

คุณไม่สามารถดูข้อความนี้.กรุณา ลงทะเบียน หรือ เข้าสู่ระบบ